ทำไมต้องเป็นบ้านน็อคดาวน์กระจก? เหมาะกับการอยู่อาศัยหรือทำเป็นคาเฟ่ แบบไหนเหมาะกว่ากัน?

การเลือกใช้กระจกกับบ้านน็อคดาวน์

กระจกสำหรับแต่งภายในและภายนอกอาคารก็จะมีหลายแบบ จะมีทั้งแบบที่เป็นกระจกธรรมดา (กระจกใส, กระจกสี), กระจกกึ่งนิรภัย, กระจกนิรภัย, กระจกลามิเนต, กระจกฉนวนกันความร้อน โดยเราจะมาทำควมรู้จักกันกับกระจกว่าแต่ละแบบมีคุณสมบัติคร่าวๆกันอย่างไรบ้างนะครับ

ถ้ามีการนำ กระจกธรรมดา ที่เป็นเกรดกระจกใสมาใช้แต่งบ้านน็อคดาวน์กระจกแล้ว จะมีข้อดีขึ้นหนึ่งคือ กระจกชนิดนี้จะไม่อมความร้อน จะปล่อยความร้อนให้ผ่านได้เลย จะได้ความโปร่งแสง ภายมรอาคารจะดับแสงอย่างเต็มๆอาจจะมีความตัดแสงบ้าง6-8% ทนความร้อนได้ดีแม้จะต้องโดนอุณหภูมิภายนอกอยู่เป็นประจำ

ส่วน กระจกธรรมดาแต่งสี จะมีการดูซับความร้อนไว้ที่ตัวกระจกเอง(อมความร้อน) เนื่องจากมีการเจือโลหะบางชนิดทำให้เกิดสีต่างๆ แต่ก็ต้องระวังความร้อนที่สะสมอาจจะทำให้กระจกเกิดรอยร้าวหรือรอยแตกได้ถ้าระบายความร้อนไม่ดี ดังนั้นถ้านำมาติดตั้งรอบบ้านก็ไม่ควรจะมีอะไรมาปิดทึบบังมิดทำให้การระบายอากาศของกระจกไม่ดี ส่วนข้อดีคือ จะช่วยลดความจ้าของแสงจากภายนอกได้เป็นอย่างดีขึ้นอยู่กับสีที่เลือกว่ามีความทึบแสงมากน้อยแค่ไหน

กระจกกึ่งนิรภัย จะเป็นการนำกระจกธรรมดามาทำการอบที่อุณภูมิประมาณ 700 องศาแล้วทำให้เย็นลงอย่างช้าๆ เพื่อให้กระจกมีความแข็งแรงที่มากขึ้นประมาณ 2 เท่าของกระจกธรรมดา ซึ่งจะนิยมนำมาติดตั้งเป็นกระจกรอบบ้านหรือบนอาคารสูงอย่างคอนโด เนื่องจากกระจกชนิดนี้แข็งแรง สามารถทนรับแรงลม และทนอุณภูมิร้อนเย็นได้ดีกว่ากระจกธรรมดามากถึง 2 เท่า

กระจกเทมเปอร์(กระจกนิรภัย) ที่เพิ่มความปลอดภัยในกรณีเกิดแตกขึ้นมาจะแตกเป็นเศษเล็กๆไม่มีความคม มีลักษณะคล้ายกันเม็ดข้าวโพด มีความปลอดภัยสูง และกระจกเทมเปอร์นี้ยังมีความแข็แรงมากกว่ากระจกธรรมดาถึง 5 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้เป็นที่นิยามกันมากขึ้นจะมีการทั้งใช้ในอาคารและนอกอาคาร และก็จะมีการนำกระจกเทมเปอร์มาใช้ในห้องอาบน้ำในบ้าน ห้องสปา ที่มีอุณภูมิเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น ทำให้ปลอดภัยไม่แตก แต่ถ้าเป็นกระจกธรรมดาทั่วไปอาจจะเกิดการแตกร้าวได้เมื่อเจออุณภูมิเปลี่ยนแปลงไปมาบ่อยๆ

ถัดมาจะเป็น กระจกลามิเนต ซึ่งมีความปลอดภัยสูงมากขึ้น โดยจะกันแสง UV, กันอุณภูมิ และกันเสียงได้ดี และเมื่อเกิดการร้าวหรือแตกจะไม่มีเศษกระจกร่วงออกมาจากแผ่น เนื่องจากกระจกลามิเนตจะผลิตมาจากการนำเอากระจกเทมเปอร์ 2 แผ่นมาติดกัยด้วยแผ่นฟิล์ม PVB (ลามิเนต) เลยไม่หลุดเมื่อแตก และทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง(เงียบ) แต่ก็ยังได้ความสว่างจากด้านนอกและไม่ร้อนมากนัก(กันอุณภูมิได้มากขึ้นนิดหน่อย)

อันดับสุดท้ายจะเป็น กระจกอินซูเลท (กระจกฉนวนกันความร้อน) ถ้าอยากเห็นภาพง่ายๆคือกระจกสำหรับตู้แช่นั่นเอง คือจะประกอบไปด้วยกระจก 2 บานมาประกบกันบนเฟรมอลูมิเนียม ซีลด้วยยางรอบเฟรม ดูดอากาศตรงกลาง(Air Gap)ออกแล้วเติมก๊าซอาร์กอนเข้าไป(ก๊าซเฉื่อย) ทำให้ได้ความเป็นฉนวน นำอุณภูมิจากภายนอกเข้าไปสู่ภายในอาคารได้เพียงแค่ 58% (ขึ้นอยู่กับขนาดของ Air Gap, ขึ้นอยู่กับ U-Value) ทำให้อาคารประหยัดไฟจากเครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลงนั่นเอง